ดอยเวา...ดอยแมงป่องช้าง



 ประวัติพระธาตุดอยเวา
     เดิมทีขุนควักเวา หรือองค์เวา กษัตริย์องค์ที่ 10 วงศ์สิงหนวัติ แห่งนครนาคพันธุ์สิงหนวัติ (เชียงแสนโบราณ) สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกศธาตุไว้บนดอยนี้ เมื่อพ.ศ. 296 ดอยนี้เรียกว่าดอยเวา ตามพระนามของกษัตริย์พระองค์นั้น เมื่อล่วงเวลามานาน พระเจดีย์ชำรุดหักพังตามอายุไข และมีผู้บูรระขึ้นอีกหลายครั้งหลายหน ครั้งสุดท้าย เหลือซากพระเจดีย์เพียงฐานชั้นล่าง สูงพ้นดินประมาณ 2 เมตร และถูกขุดเป็นโพรงลึก
พระธาตุดอยเวา

      ต่อมานายบุญยืน ศรีสมุทร คฤบดีอำเภอแม่สายนี้ ร่วมกับพระภิกษุดวงแสง รัตนมณี เชื้อชาติไทลื้อ อยู่เมืองลวง เขตสิบสองปันนา พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ผู้มีใจศรัทธา บูรณะขึ้นอีก จัดสร้างขึ้นตามแบบล้านนาไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร ในการขุดแต่งก่อนบูรณะได้พบพระสาริกธาตุในผะอบหินคำ 5 องค์ ผะอบใหญ่ขนาดไข่เป็ด จึงบรรจุใฐานพระเจดีย์ที่เดิม วางศิลาฤกษ์ ก่อองค์พระเจดีย์ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2498 มีคณะศรัทธาจากหัววัดในอำเภอแม่สาย เชียงแสน แม่จัน เชียงราย พาน แม่สรวย และฝั่งท่าขี้เหล็ก รวม 58 หัววัด นำเครื่องไทยธรรมมาถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
คำว่าเวา แปลว่าแมลงป่องช้าง ชะรอยองค์เวา เมื่อทรงพระเยาว์จะชอบขุดรูแมลงป่องช้างเล่น จึงมีพระนามอย่างนั้น

      ปัจจุบัน บนพระธาตุดอยเวาได้จัดตกแต่งให้มีความร่มรื่นเป็นอันมาก มีรูปปูนปั้นแมงป่องช้าง (แมงเวา) ตัวขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
      บริเวณลานกว้างทางด้านเหนือของ องค์พระเจดีย์ มีอนุสาวรีย์ของ พระนเรศวรมหาราช พระสุพรรณกัลยา และพระเอกาทศรสประดิษฐานอยู่เคียงข้างกัน โดยอนุสาวรีย์ทั้ง 3 พระองค์สร้างขึ้นตามความตั้งใจของหลวงปู่โง่น โสรโย แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร
      รวมทั้งมีปราสาทไพชยนต์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประกาศถึงคุณงามความดี และเพื่อสักการะพระอินทร์ (องค์อัมรินทราธิราช) ซึ่งร่วมสร้างกันหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ และเอกชน คหบดีของอำเภอแม่สาย ฯลฯ
     

 ประวัติหลวงปู่โง่น โสรโย
          หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 5.58 น. บนแพกลางลำน้ำปิง บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีนรับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์
         ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา โดยได้รับแรงบันดาลใจและเห็นแบบอย่างที่ดีจากครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ท่านได้เคยธุดงค์ผ่านหลายประเทศ ได้ต่อสู้กับอุปสรรคมากมาย ท่านยังได้สร้างพระพุทธวิโมกข์อีกจำนวนมาก ซึ่งนับประมาณมิได้ เพื่อเผยแพร่จรรโลงไว้ในพุทธศาสนา ท่านเป็นพระภิกษุที่ยอมเสียสละทั้งกำลังกายกำลังใจ กำลังทรัพย์ในการทำความดีโดยมิได้หวังสิ่งตอบแทน นับว่าท่านเป็นเกจิมหาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีความมุ่งมั่นสูงมาก ท่านได้มรณภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 สิริอายุรวม 95 ปี รวม 64 พรรษา
        
แมงป่องช้าง(แมงเวา)


        เหตุที่นำพระบรมรูปทั้งสาม พระองค์มาประดิษฐานบนพระธาตุดอยเวาแห่งนี้ สืบเนื่องมาจากนิมิตรของหลวงปู่โง่น โสรโย ที่ได้แยกกายแฝงสนทนาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยกับพระนางสุพรรณกัลยา วีรสตรีไทยที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง และเกิดแรงบันดาลใจ จึงได้อัญเชิญพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาประดิษฐานที่แห่งนี้ ณ วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ต่อมาได้อัญเชิญพระบรมรูปของมเด็จพระเอกาทศรถ และพระนางสพรรณกัลยามาประทับเรียงกันสามพระองค์ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 และผินพระพักตร์ไปยังประเทศพม่า ที่มีพระบรมรูปของบุเรงนองประทับหันหน้ามายังฝั่งไทย ทั้งนี้เพื่อนให้ทั้งสี่พระองค์ได้ระลึกถึงสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและพม่า ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังก่อให้เกิดความรุ่งเรืองสืบมา 


วิวเมืองแม่สายเมื่อมองจากพระธาตุดอยเวา

  


 

Popular Posts