“ประวิตร” สั่งเดินหน้าทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมแก้ปัญหาไฟป่า มลพิษ ฝุ่นละออง ภาคเหนือปี 66 ต้องดีขึ้น
วันนี้(26 ธ.ค.)ที่อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงราย (GMS) อ.เมืองเชียงราย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมามอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ ปี 2566 โดยมีหน่วยงานทั้งในส่วนกลาง และในพื้นที่ร่วมรับฟังนโยบายเพื่อนำไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงาน ต้องบูรณาการป้องกันและแก้ไขให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ ครอบคลุม “เมือง ป่า เกษตร” โดยเน้นย้ำหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้มงวดกวดขัน ทุ่มเทสรรพกำลังองค์ความรู้ และทรัพยากรอย่างเต็มกำลังความสามารถ และประสานงานกันในการดำเนินงาน ปฏิบัติการขับเคลื่อนตาม “แผนเฉพาะกิจ” เพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 บนหลักการ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” โดยสร้างความเป็นเอกภาพของข้อมูล ปรับรูปแบบการรายงานข้อมูลและองค์ความรู้ต่างๆ ให้น่าสนใจ เข้าถึงง่ายเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะภาคประชาชน นำความเห็นของพี่น้องประชาชนมาปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ การป้องกัน และแก้ไขปัญหาต้องเป็นเอกภาพ การรับผิดชอบ กำกับดูแลพื้นที่ต้องไม่เกิดช่องว่าง หรือพื้นที่เกรงใจ และต้องไม่เกิดปัญหา ว่าไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างจังหวัด หรือระหว่างหน่วยงาน และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ใช้ระบบ Single command มีการจัดทำประกาศจังหวัดในสถานการณ์ต่างๆ การเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และบูรณาการสั่งการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุกพื้นที่/ทุกระดับ ทั้งอำเภอ ตำบล (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) และกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน
รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับลงไปยังกระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการต่างประเทศ ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เตรียมความพร้อมในทุกด้านทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ และกำลังพล สร้างความเข้าใจและความตระหนัก ให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่น ยอมรับ และร่วมมือในการเฝ้าระวัง และดูแลรักษา ไม่ให้เกิดปัญหาไฟป่าและการเผาในที่โล่ง พร้อมให้นำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบการดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการรายงานสถานการณ์ คาดการณ์ ประเมินความเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ สภาพอุตุนิยมวิทยา การคาดการณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า การพยากรณ์ระดับชั้นอันตรายของไฟ และการประเมินพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟ โดยใช้ ข้อมูลจุดความร้อนและพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซาก
นอกจากนี้ ยังได้ให้ขยายผลการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ทั้งการ “ชิงเก็บ ลดเผา” และ “การใช้ระบบบริหารการเผาในที่โล่ง” เพื่อควบคุมการเกิดไฟในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร โดยมุ่งเน้นการเก็บเชื้อเพลิงมาใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน บนหลักการ BCG สำหรับพื้นที่เมือง ให้เข้มงวดกวดขัน และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับรถที่ระบายสารมลพิษ โดยเฉพาะควันดำ และให้จัดระบบการจราจรให้คล่องตัวในช่วงสภาวะอากาศปิด และประสานเอกชนในการช่วยเหลือประชาชนในการตรวจสภาพรถยนต์และเปลี่ยนอะไหล่ราคาถูก รวมทั้งตรวจสอบ กำกับ ดูแลโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด และขยายผล/เพิ่มประสิทธิภาพให้มีการลดการเผาอ้อย ให้บรรลุเป้าหมายและมาตรการที่ตั้งไว้ สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามแดน ให้ขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ตามกลไกอาเซียน ผลักดันให้ประเทศสมาชิกตั้งเป้าหมายร่วมกันในการลดจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้
"ดูแลสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญให้ยกระดับการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน ให้จัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และยารักษาโรคให้พร้อม จัดสถานที่รองรับหากเกิดสถานการณ์ปัญหาจากฝุ่นละอองที่รุนแรงให้เพียงพอและครอบคลุม และให้หมั่นตรวจสุขภาพของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร เพื่อรักษาก่อนการปฏิบัติงานและระวังตัวเองในการปฏิบัติงาน"พลเอกประวิตรกล่าว
โดยหลังจากมอบนโยบายแล้วยังได้มีการปล่อยขบวนคาราวาน การป้องกันและแก้ไขปัญหา 3 พื้นที่ เมือง ป่า เกษตร ให้พี่น้องประชาชนได้เห็น และมั่นใจในความพร้อมของทุกหน่วยงาน ซึ่งจะร่วมกันทำงานแบบไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือปกป้องสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนต่อไป
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย : ภาพ - ข่าว