ประวัติพระเจ้าพรหมมหาราช




      ยอกรประนมบังคมบาท 
พระเจ้าพรหมหาราชผู้เป็นใหญ่
เป็นผู้นำแห่งกองทัพที่เกรียงไกร 
พาชาวไทยทุกหมู่บ้านต้านพาลา

      เครื่องแต่งกายแดงชมพูดูแข็งขัน 
เข้าประจันโจมจู่ สู้หนักหนา
พระเด็ดเดี่ยว เชี่ยวชาญการยุทธนา 
ชาวประชาต่างนิยม ชมบารมี

     พระทรงเป็น ปฐมกษัตริย์ชูเชิดชาติ 
ทรงกอบกู้ เอกราช ทรงศักดิ์ศรี
ทรงปลดแอกจากขอมดำที่ย่ำยี 
ผองชาวไทยสดุดีในวีรกรรม

 
การอยู่เป็นพรหม ของสัพเกศีพรหม ไม่ได้อยู่เป็นพรหมตลอดกาล ท่านลงมาเกิดบ่อนครั้ง เมื่อยามใดที่ คนไทยก็ดี ชาติไทยก็ดี มีความลำบากมีความเดือดร้อน หรือถูกย่ำยีจากศรัตรู ท่านจะต้องลงมาเกิดเพื่อ
ช่วยเหลือคนไทย และชาติไทยเสมอ จนถึงปัจจุบัน ดังเช่นการมาเกิดของท่าน แต่ละวาระ เช่น

สมัยพระเจ้ามังรายมหาราช
เณรน้อยที่ถูกขอมยำยี
พระเจ้าพรหมมหาราช (สมัยโยนกนคร)
พระร่วงโรจน์ฤทธิ์ (สมัยละโว้)
ขุนศรีเมืองมาน
ขุนหลวงพระงั่ว (สมัยพ่อขุนรามกำแหง)
นายอำไพ ลูกชายเศรษฐีกองแก้วและปิ่นทอง
ลูกชายแม่ทัพ ของสมเด็จพระอินทราธิราช
ขุนแผน ลูกขุนไกร
พระบรมไตรโลกนาถ
พระยาโกษาเหล็ก
พระยาศรีสิทธิสงคราม ขุนดาบพระเจ้าตากสิน



ข้อมูลนี้จากหนังสือ วันสวรรคตของ 66 กษัตริย์ โดย พิมาน แจ่มจรัส




ที่พรรณาข้อความตอนทรงครรภ์มามากมาย เช่นนี้ คงต้องการเสริมอภินิหารมากกว่าอย่างอื่น ตำนานต้องการจะชี้ให้เห็นว่า บุคคลลงจะเป็นนักรบแล้ว ย่อมมีเหตุย่อมมีลาง
"....ยามรุ่งแจ้ง ครรภ์นางเต็มทศมาสได้ 10 เดือนแล้ว นางก็ประสูติได้ลูกชายผู้หนึ่งเกิดมาวีวรรณเนื้อตนอันหมดจดหามลทินมิได้ เป็นดั่งล้างไว้สะอาดแล้ว ครั้งนั้นญาติทั้งหลายฝูงอันมีอยู่ในบ้านศรีทองนั้น และเสนาอำมาตย์พรามหมณ์ปุโรหิตก็มารับเอาแล้วเบิกบายนามกร เอานิมิตอันนามเหนือนดั่งพรหมมาเกิดนั้นจึ่งใส่ชื่อว่า พรหมกุมาร นั้นแล แต่นั้นไปภายหน้า พรหมกุมารก็ขึ้นใหญ่มาได้ 7 ปี หาพญาธิโรคามิได้ กุมารก็มีใจใคร่ได้ยังเครื่องศาสตราวุธทั้งหลาย ก็เข้าไปอ้อนวอนขอยังพระราชบิดา ให้เอาช่างเหล็กทั้งหลายมาแปงแล กาลนั้นพระยาตนพ่อก็กระทำตามคำลูกแห่งตนทุกประการ เอาช่างทั้งหลายมาตีหอกดาบสีนาด ปืนไฟทั้งมวลทุกปีบ่อมิได้ขาด ตลอดถึงอายุกุมารได้ 12 ขวบแล้ว...."
ต่อจากนั้น ก็มีการบรรยายความฝันของพระเจ้าพรหมว่าได้ไปยังแม่น้ำ ซึ่งจะมีช้างเผือก 3 ตัวลอยน้ำมา ถ้าได้ตัวแรกก็จะได้ปราบทวีปทั้ง 4 ถ้าได้ตัวสองก็จะได้ชมพูทวีป และถ้าได้ตัวที่สามก็จะได้แคว้นล้านนาและขอมดำทั้งหมด พรหมกุมารเมื่อตื่นจากฝัน ก็ชักชวนเด็ก ๆ ไปเป็นเพื่อนถึง 50 คน ตัดเอาขอนไม้ไปนั่งคอยอยู่ริมน้ำ ต่อมามีงูใหญ่ตัวหนึ่งลอยผ่านมา พรหมกุมารและพรรคพวกซึ่งนั่งคอยทีก็สะดุ้งตกใจกลัว จนงูใหญ่นั้นพ้นไป ต่อมามีงูใหญ่อีกตัวหนึ่งเท่าต้นตาลลอยผ่านมาอีก พรหมกุมารและพวกเด็ก ๆ ก็พากันสะดุ้งหวาดกลัวอีก จนงูใหญ่นั้นลับตาไป

คราวนี้พรหมกุมารได้คิดว่าที่ฝันว่าช้างเผือกนั้น คงจะเป็นงูเสียมากกว่าจึงปรึกษาพรรคพวก แล้วตกลงกันว่าถ้ามีงูใหญ่ผ่านมาอีกตัวหนึ่งก็จะช่วยกันจับ
ต่อมาอีกครู่หนึ่ง งูตัวที่สามก็ผ่านมา พรหมกุมารและเด็กทั้ง 50 คนก็ช่วยกันจับไว้ได้ งูก็กลายเป็นช้างเผือกขึ้นมาทันที สถานที่ช้างทวนน้ำเรียกกันว่าความทน และช้างตัวนั้นก็ได้นามว่า ช้างพานคำ
หลังจากนั้น พรหมกุมารก็ส่งคนไปสืบความลับทางเมืองขอมดำ ส่วนทางพระองค์เองนั้น โปรดให้มีการฝึกกำลังรบ และหัดช้างมงคลตัวนั้นตลอดมา จวบจนมีพระชนมายุ 16 พรรษา ก็ดำรัสสั่งมิให้ส่งส่วยแก่พระยาขอมดำเป็นเวลาถึงสามปี

พระยาขอมดำจึงดำรัสสั่งให้ระดมพลด่วน ข่าวนี้ทราบมาถึงพรหมกุมาร จึงรวบรวมพลไว้ประมาณหนึ่งแสนคน ยกออกจากเวียงพานคำ ไปประจันหน้ากับทัพขอมที่กลางทุ่งสันทราย

"....ครั้งนั้น พระยาขอมดำปรารถนาจักต่อรบกับพรหมกุมาร ก็ไปทันรบช้างที่นั่น พระยาขอมดำนั้นก็เห็นช้างมงคลพานคำในที่นั้น อันพรหมกุมารเจ้าขี่อยู่นั้น พระยาขอมดำก็มีความสะดุ้งตกใจหวั่นไปทั้งตัว แล้วก็หันหน้ากลับด้นวิ่งไปครั้งนั้น หมู่ช้างแห่งพระยาขอมดำทั้งหลายก็แตกตื่นเหยียมย่ำหัวขอมดำทั้งหลายตายมาก นัก แตกกระจัดกระจายพ่ายหนีไปสู่เสียง ส่วนพระเจ้าพรหมกุมารก็ขี่ช้างพาคนหาญเลยไปกำจัดขอม ใปตลอดถึงเวียงโยนกนครนั้นแล พระยาขอมดำก็พาลูกน้องเข้าไปในเวียง แล้วปิดประตูเวียงเสียทุกแห่ง ครั้นพรหมกุมารเจ้าก็ไสช้างพานคำเข้าแทงประตูเวียงทะลุ เข้าไปกำจัดขับไล่พระยาขอมในเวียงที่นั้น ผู้คนบ่าวไพร่แห่งพระยาขอมดำก็ฉิบหายตายมากนักแล...."
พระเจ้าพังก็เสด็จขึ้นครองเมืองโยนกนครตามเดิม แล้วโปรดให้พรหมกุมารเป็นอุปราช แต่พรหมกุมารมิได้รับกลับมอบให้ทุกขิตผู้เป็นเชษฐา ส่วนพระองค์กลับเสด็จไปสร้างเมืองใหม่ตั้งชื่อว่า เวียงไชยปราการ (ปัจจุบันเป็นอ.ฝาง จ.เชียงใหม่)

ท่านผู้รู้บางท่านจึงยกย่องพรหมกุมารว่าเป็นปฐมกษัตรติย์ของไทย เป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์แรกที่ทรงสถาปนาอาณาจักรไทยขึ้นใน พ.ศ. 1400 และเป็นมหาราชพระองค์แรกของชาติไทย

Popular Posts